เตรียมตัวเที่ยวมัลดีฟส์

1.FREE VISA

สำหรับผู้ที่ถือพาสปอร์ตประเทศไทย ไม่ต้องขอวีซ่าเพื่อเข้ามัลดีฟส์ และสามารถอยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน ทั้งนี้ต้องมีอายุ Passport เหลือไม่ต่ำกว่า 6 เดือน

 

2.ที่พัก

ที่พักมีหลากหลายราคา หลากหลาย option ให้คุณได้เลือก โดยจะแบ่งเป็น 2 แบบใหญ่ๆ ได้แก่..

 

ที่พักรีสอร์ทบนเกาะส่วนตัว : เกาะของมัลดีฟส์เปิดให้โรงแรมชั้นนำมากกว่า 100 แห่ง จัดตั้งเป็นรีสอร์ท แบบ 1 เกาะ 1 รีสอร์ท เป็นทำเลที่คัดสรรมาอย่างดี ให้นักท่องเที่ยวได้ชมความงามของธรรมชาติอย่างใกล้ชิด มีทั้งที่พักกลางน้ำ ชมปะการังน้ำตื้นและฝูงปลามากมาย หรือจะเป็น เต่าทะเลตัวโต โลมาแสนน่ารักที่มาเยี่ยมเยือนท่านถึงหน้าห้องเลยทีเดียว

 

ที่พักบนเกาะชุมชน : ข้อดี คือ ราคาถูก มีให้เลือกหลากหลายราคา มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 50USD นอกจากนั้นยังได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนอีกด้วย ทั้งท่าเรือประมง ร้านค้า ตลาด ชุมชนเมือง แต่หากต้องการชมชายหาดขาวๆ สวยๆอาจจะต้องซื้อ Option เสริม เพื่อนั่งเรือออกไปยังหาด

 

สามารถติดต่อเข้าพักได้ทั้งแบบ จองที่พักด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์ และจองกับบริษัททัวร์

 

Tips : ที่พักบางแห่งจะเป็นแบบรวมค่าใช้จ่ายทุกอย่างไว้แล้ว หรือ All inclusive คือรวมทุกอย่างแล้วไม่ต้องจ่ายเพิ่ม ทั้งค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่มที่กำหนด ค่ากิจกรรมต่างๆของโรงแรม ฯลฯ จะทำให้เราสามารถกำหนดและคุมค่าใช้จ่ายได้ตั้งแต่เริ่มต้น ถือเป็นการวางแผนการเงินที่ดีเลยทีเดียว

 

3.สกุลเงิน / การแลกเงิน

มัลดีฟส์ใช้เงินสกุลรูเฟียยา (Maldivian Rufiyaa) (MVR) มีอัตราแลกเปลี่ยนเงิน 1 MVR  =  2.5 บาทไทย แต่เราสามารถใช้เงินสกุล USD แทนเงินสกุลท้องถิ่นมัลดีฟส์ได้เลย  แถมเรทเงินก็ดีกว่าด้วยนะ

 

Tips : ควรเตรียมแบงค์ USD ย่อยๆ มาจากที่ไทยไว้เลย เช่น 1, 5, 10USD เพราะจะต้องใช้แบงค์ย่อยๆ สำหรับให้ Tip พนักงานที่อำนวยความสะดวกให้กับเรา เช่น ยกกระเป๋า ส่งท่าเรือ หรือรับ-ส่งที่สนามบิน 

ไม่จำเป็นต้องแลกเงินท้องถิ่นเพราะแลกคืนยาก 

ร้านอาหาร, ร้านขายของ,  โรงแรม หรือ ร้านค้าที่สนามบินก็สามารถใช้ USD ได้ทั้งหมด โดยที่ใบเสร็จจะระบุ 2 สกุลเงินให้เราเลือกชำระเงินได้

 

4.Meal Plans

แพ็คเก็จห้องพักของรีสอร์ทในมัลดีฟส์ จะมีด้วยกัน 4 รูปแบบ ดังนี้

 

– Daily Breakfast : แพ็คเก็จอาหารแบบมีแค่มื้ออาหารเช้าเท่านั้น (ไม่รวมเครื่องดื่ม)

– Half Board : แพ็คเก็จอาหารแบบรวม 2 มื้อ/วัน ได้แก่ อาหารเช้าและอาหารค่ำเท่านั้น (ไม่รวมเครื่องดื่ม)

– Full Board : แพ็คเก็จอาหารแบบรวม 3 มื้อ/วัน ได้แก่ อาหารเช้า อาหารกลางวัน และอาหารค่ำเท่านั้น (ไม่รวมเครื่องดื่ม)

– All Inclusive : แพ็คเก็จอาหารแบบรวมทั้งมื้ออาหารเช้า อาหารกลางวัน และอาหารค่ำ ตลอดจนเครื่องดื่มที่แอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ ตลอดทั้งวัน โดยส่วนใหญ่รีสอร์ทที่มัลดีฟส์จะใช้แพ็คเก็จนี้

 

5.สายการบิน

สายการบินที่บินจากไทยไปมัลดีฟส์ มีทั้งบินตรงและแวะพักเปลี่ยนเครื่อง ทั้งนี้มีสายการบินที่ได้รับความนิยม 3 สายการบินด้วยกัน มีช่วงเวลาที่เดินทาง ความสะดวกสบาย การบริการ และราคาแตกต่างกันไป

 

– สายการบินแอร์เอเชีย (FD) :  บินตรง

เวลาเดินทาง ขาไป : สนามบินดอนเมือง – สนามบินมาเล่  09.30 – 11.40 น.

เวลาเดินทาง ขากลับ : สนามบินมาเล่ – สนามบินดอนเมือง 12.30 – 19.00 น.

 

– สายการบินบางกอกแอร์เวย์ (PG)  : บินตรง

เวลาเดินทาง ขาไป : สนามบินสุวรรณภูมิ – สนามบินมาเล่  09.30 – 11.40 น.

เวลาเดินทาง ขากลับ : สนามบินมาเล่ – สนามบินสุวรรณภูมิ 12.30 – 19.00 น.

 

– สายการบินศรีลังกันแอร์ไลน์ (UL) : แวะพักเปลี่ยนเครื่องฯ ณ สนามบินโคลอมโบ ประเทศศรีลังกา

เวลาเดินทาง ขาไป : สนามบินสุวรรณภูมิ – สนามบินโคลอมโบ 09.10 – 11.00 น.

เวลาเดินทาง ขาไป : สนามบินโคลอมโบ – สนามบินมาเล่  13.35 – 14.00 น.

 

เวลาเดินทาง ขากลับ : สนามบินมาเล่ – สนามบินโคลอมโบ 20.35 – 22.30 น. (รีสอร์ทส่วนใหญ่สามารถอยู่ได้ถึง 17.00 น.)

เวลาเดินทาง ขากลับ : สนามบินโคลอมโบ – สนามบินสุวรรณภูมิ 01.15 – 06.10 น.

 

6.การเดินทางสู่รีสอร์ทที่พัก

นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมามัลดีฟส์ด้วยเครื่องบินนั้น จะต้องเดินทางสู่สนามบินมาเล่ ทุกคน และจากนั้นการเดินทางเข้าสู่รีสอร์ทของแต่ละที่พัก จะมีความแตกต่างกันออกไป มีทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่

 

  1. Sea Plane หรือ เครื่องบินน้ำ เป็นเครื่องบินที่สามารถนำท่านขึ้นและลงจอดบนน้ำได้ ได้ความโลดโผนตื่นเต้นไปอีกแบบ จะรับท่านจากสนามบินมาเล่ ส่งท่านที่รีสอร์ทได้เลย
  2. Speed Boat เรือเร็วที่รับคุณจากสนามบินมาเล่ สู่รีสอร์ทที่พัที่ไม่ไกลจากสนามบินมากนัก ใช้เวลาเดินทางช่วงสั้นๆ  สัมผัสบรรยากาศบนผืนน้ำทะเลได้อย่างใกล้ชิด
  3. Domestic Flight เที่ยวบินภายในประเทศ จะใช้ในกรณีที่ที่พัก รีสอร์ทอยู่ห่างไกลจากสนามบินมากๆ และอาจเดินทางต่อไปยังรีสอร์ทโดย Speed Boat

 

7.วันศุกร์คือวันหยุดดดดดดดด!!

วันศุกร์ ถือเป็นวันหยุดของประเทศ พวกเรือ Ferry จะหยุดวิ่ง ตลาดปลาปิด และร้านค้าขายของส่วนใหญ่จะปิดทำการ เว้นแต่ร้านอาหารใหญ่ๆ ก็อาจจะยังเปิดอยู่นะ ดังนั้น เราแนะนำว่าควรมาเที่ยว วันเสาร์กลับก่อนวันศุกร์จะดีกว่า

 

8.เวลาและสภาพอากาศ

เวลาท้องถิ่นที่มัลดีฟส์ ช้ากว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง (GMT+5)  เพราะมัลดีฟส์ตั้งอยู่ตรงเส้นศูนย์สูตรแบบเป๊ะ ๆ จึงทำให้มีอากาศร้อนอบอ้าวมาก ๆ สลับกับมีฝนตกประปราย มัลดีฟส์สามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ลมทะเลไม่เหนียวตัวเหมือนบ้านเราด้วยนะ

 

ฤดูกาลในมัลดีฟส์แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ

– ช่วงฤดูลมตะวันออกเฉียงเหนือ (พฤศจิกายน – เมษายน) : ถือเป็นช่วง Hi season จะมีอากาศที่สดใส ท้องฟ้าโปร่งใส ไม่มีฝน โดยในเมษายน จะเป็นเดือนที่มีอุณหภูมิสูงที่สุด และ ธันวาคมจะมีอุณหภูมิต่ำที่สุด

 

– ช่วงฤดูลมตะวันตกเฉียงใต้ (พฤษภาคม – กันยายน) : เป็นช่วงที่มีฝนตกชุก แต่จะตกเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ประมาณครึ่งชั่วโมงก็หยุด แต่ถ้าวันไหน ฝนตกและอากาศไม่ดี ไม่แออำนวย ทางบริษัทเรือนำเที่ยวจะไม่ออกเรือพาไปดำน้ำ  ทำให้ช่วงนี้ห้องพักจะว่าง และมีราคาถูก

 

9.Local islands

หรือ เกาะที่คนพื้นเมืองอาศัยอยู่  ส่วนใหญ่จะนับถือศาสนาอิสลาม จะมีการทำละหมาดตามมัสยิดกันในทุก ๆ วัน  ไม่มีอาหารที่เป็นเนื้อหมู ไม่มีเครื่องดื่มแอลกฮออล์ และที่สำคัญหากคุณเป็นผู้หญิงต้องแต่งตัวให้เรียบร้อยและมิดชิดหน่อย งดโป๊ เสื้อเกาะอก สายเดี่ยว บิกินี กางเกงขาสั้นด้วยนะ จะมีพื้นที่ยกเว้น ก็ที่ชายหาด Bikini Beach ที่ Maafushi  ที่ทางเกาะจัดพื้นที่ไว้ให้ ซึ่งจะอยู่ทางด้านซ้ายของเกาะ และที่โรงแรมตาม Atolls ต่างๆ จะจัดเต็มทั้งชุดบิกินี่ และแอลกฮออล์ได้ตลอดทั้งวัน ชาวมัลดีฟส์จะมีผิวสีเข้มๆ ยิ้มแย้มเป็นมิตร ผิวเข้มออกดำ หน้าบึ้ง ฟันขาวจั๊วะ แต่ก็ใจดี ล้วนแต่พูดคุยด้วยได้เป็นอย่างดีภาษาท้องถิ่นคือ ดิเวฮิ (เวลาพูดก็ฟังยากเหมือนเวลาฟังชาวอินเดียพูดนั่นแหละ) ส่วนงานบริการ และพนักงานในโรงแรมจะพูดภาษาอังกฤษได้ดี (ส่วนใหญ่มาจากอินเดียและปากีสถาน)

 

10.การบริการ

การให้ทิปที่มัลดีฟส์ถือเป็นเรื่องสำคัญ  ตามมารยาทจะให้เป็นสินน้ำใจแก่คนที่ให้บริการ เช่น คนขับรถ พนักงานที่ช่วยอำนวยความสะดวก ดังนั้น ควรเตรียมแบงค์ย่อยๆ การให้ทิป  (ส่วนในบิลตามร้านค้าจะบวก ค่า service charge 10% และ GST 12%)

 

11.การเดินทางใน Male และ local islands

-รถแท็กซี่ มี 2 แบบ คือ เป็นรถเก๋ง และรถกะบะเล็กๆให้คนไปยืนด้านหลัง

-Sea Plane มี 2 บริษัท คือ Air Maldive กับ Air Taxi  ไม่มีตารางบิน หลังจากจองที่พักแล้วทางโรงแรมจะเป็นผู้เลือกสายการบินให้

-Speed Boat  ราคาจะแพงกว่าเรือ Public Ferry  เช่น จาก Male ไปเกาะ Maafushi ถ้าใช้บริการ Speed Boat จะใช้เวลา 30-45 นาที ราคา 25 usd/คน และPublic Ferry ใช้เวลา 90 นาที ราคา 2 usd. โดยตารางเดินเรือจะมีแค่วันละ 1 หรือ 2 รอบ (ควรตรวจสอบอีกครั้งก่อนเดินทาง)